การคำนวณแรงที่ใช้ตัดโลหะแผ่น
ในการตัดโลหะแผ่นโดยใช้พันช์และดาย
มักจะใช้ปลายคมตัดแบนราบ คือผิวหน้าคมตัดทำมุม 90
องศากับเส้นผ่านศูนย์กลางของดาย ขณะที่ดายเริ่มต้นทำงาน
การตัดจะเริ่มต้นขึ้นที่เส้นรอบรูปของพันช์อย่างต่อเนื่อง
และหลักการเช่นเดียวกันนี้ก็จะเกิดที่ดายเหมือนกัน
บางโอกาสเมื่อต้องการตัดโลหะแผ่นที่
หนามากขึ้น
เพื่อลดแรงในการตัดจำเป็นต้องลับคมตัดของพันช์หรือดายให้เอียงเป็นมุมจะทำ
ให้คมตัดของพันช์หรือายค่อยๆจมลึกลงไปในเนื้อโลหะแผ่นทีละน้อย
ซึ่งเรียกการตัดนั้นว่า การตัดเฉือน (Shear)
การตัดโลหะแผ่นโดยใช้แม่พิมพ์ตัดทุกกระบวนการจะมีการยึดติดระหว่างชิ้นงานส่วนที่รูกับด้านข้างของพันช์
ดังนั้นจึงต้องมีการนำเอาโลหะแผ่นออกจากพันช์ในบทนี้จะกล่าวถึงวิธีการคำนวณหาแรงและพลังงานที่ใช้ในการตัด
ซึ่งมีดังต่อไปนี้
·
แรงที่ใช้ในการตัดโดยใช้ผิวหน้าคมตัดแบนราบ
·
แรงที่ใช้ในการตัดโดยผิวหน้าคมตัดถูกตัดเฉือน
·
แรงปลดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออก
(Stripping
forcc)
·
งานหรือพลังงานที่ใช้
สูตรต่างที่ใช้การคำนวณในบทนี้
สามารที่จะนำไปดัดแปลงใช้ได้กับกระบวนการตัดอื่นทุก
กระบวนการ
การคำนวณหาแรงก็เพื่อนำไปใช้เลือกขนาดจำนวนตันที่เหมาะสมของเครื่องปั้มโลหะ
และนำไปคำนวณหาขนาดของชิ้นส่วนที่จะใช้ทำแม่พิมพ์
งานหรือพลังงานที่ใช้จะถูกนำไปคำนวณหาขนาดของมอเตอร์ของเครื่องปั๊มโลหะ
ขณะที่แรงดันแผ่นชิ้นงานให้หลุดออกได้ถูกใช้หาขนาดและการอัดตัวของสปริง
หรือขนาดของยางยูริเทน หรือขนาดของท่อลม
ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นตัวบังคับให้แผ่นปลดชิ้นงานทำงาน
บางครั้งเพื่อลดแรงในการตัดก็ต้องคำนวณหาระยะคมตัดเฉือนด้วย
แรงที่ใช้ตัดโดยใช้ผิวหน้าคมตัดแบนราบ
สูตรที่ใช้ในการคำนวณ
แรง =
ความแข็งแรงเฉือน x เส้นรอบรูปของการตัด x
ความหนาของโลหะแผ่น
หรือ
F =

ในที่นี้
F = แรงที่ใช้ตัด หน่วยตัน
L = ความยาวเส้นรอบรูปการตัด
หน่วยนิ้ว
t = ความหนาของโลหะแผ่น
Ss = ความแข็งแรงเฉือน หน่วยปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ความแข็งแรงเฉือนของโลหะใดคือ ความต้ านทานการตัดของโลหะนั้นในแม่พิมพ์จะมีหน่วยเป็นปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ความแข็งแรงเฉือนจะเป็นสิ่งชี้ให้เห็นถึงว่า
ความเค้นที่ถูกกระทำขึ้นมาบนโลหะนั้นเกิดการเฉือนขาดได้
ค่าความแข็งแรงเฉือนของวัสดุที่นำมาตัดชนิดต่างๆ แสดงไว้ในตารางที่ 1
ตารางที่
1
ค่าความแข็งแรงเฉือนของโลหะชนิดต่างๆ

แรงที่ใช้ตัดโดยใช้ผิวหน้าคมตัดแบบตัดเฉือน
การที่ลับผิวหน้าคมตัดของพันช์หรือดายให้เป็นมุมจะเป็นการช่วยลดแรงที่ต้องใช้ในการตัดลง
การสร้างมุมเอียงที่ผิวหน้าคมตัดมีข้อดีทางกลก็คือ
ถ้ามุมเอียงยิ่งมากแรงที่ใช้ยิ่งน้อยลง
ดังนั้นถ้าหากว่าแรงที่ใช้ตัดมีมากกว่าขนาดของเครื่องปั๊มโลหะ
มุมนี้จะทำให้ขนาดของเครื่องปั๊มโลหะที่มีอยู่ใช้ตัดโลหะได้ดีขึ้น
การตัดเฉือนคมนั้นอาจจะตัดคมขึ้นหรือลงก็ได้
ระยะที่ตัดจะถูกวัดเป็นนิ้ว ลักษณะของการตัดเฉือนคมตัดได้แสดงในรูปที่
2.1 คืออาจจะตัดเอียงเป็นมุมเดียว ตัดเอียงสองมุมร่วมกัน
ตัดเป็นรูปโค้งเข้า
รูปโค้งออก หรือรูปร่างอย่างอื่น การตัดเฉือนที่คมตัดของพันช์นั้นจะใช้สำหรับการตัดรู
แผ่นชิ้นงานที่หลุดออกมาจากการตัดจะบิดงอ
ส่วนการตัดเฉือนที่คมตัดของดายใช้สำหรับการตัดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออกและการตัดขลิบริม
โลหะแผ่นที่ถูกตัดเหลือเศษเป็นโครงร่าง
(Scrap skeleton) จะบิดงอ

สูตรที่ใช้ในการคำนวณ
Fs = KF ซึ่ง K =


ในที่นี้
K คือ
ค่าคงที่เป็นอัตราส่วนระหว่างระยะกินลึกกับระยะตัดเฉือนคมตัด
Fs คือ แรงที่ใช้ในการตัดเฉือนคมตัด หน่วยตัน
S คือ ระยะตัดเฉือนคมตัดบนพันช์หรือดาย
หน่วยนิ้ว
P คือ เปอร์เซ็นต์ระยะกินลึก
ค่า
P สามารถหาได้จาก
ตารางในบทที่ 1
แรงปลดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออก
(Stripping
force)
โลหะแผ่นเมื่อตัดรู
ออกไปแล้ว
รูจะติดพันช์ขึ้นไปทั้งนี้เนื่องจากการกระเด้งตัวกลับของเนื้อโลหะบางส่วน
ที่อยู่รอบๆรูที่ตัดยังอยู่ในภาวะยืดหยุ่นตัว
โลหะแผ่นที่มีความแข็งกว่าและบางกว่าต้องการใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออก
น้อยมาก
โลหะที่ผ่านการอบคืนตัวและโลหะที่อ่อนมีแนวโน้มที่จะเกิดการเชื่อมแบบเย็น
ตัวได้ง่ายต้องใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานออกมากกว่า
กฎในการออกแบบแม่พิมพ์ตัดคือ
จะกำหนดให้แรงปลดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออกมามีค่าเท่ากับ
10
เปอร์เซ็นต์ ของแรงที่ใช้ในการตัด แต่ถ้าขนาดช่องว่างระหว่างพันช์มากกว่า
15 เปอร์เซ็นต์ แรงปลดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออกจะลดลง
5 เปอร์เซ็นต์ ของแรงที่ใช้ตัด
ข้อควรพิจรณาเกี่ยวกับแรงปลดแผ่นชิ้นงานให้หลุดออกจากพันช์มีดังนี้
1.
โลหะที่อ่อนต้องใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานมากกว่า
2.
การใช้ขนาดช่องว่างแม่พิมพ์น้อยต้องใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานมากกว่า
3.
การตัดที่เกิดขึ้นใกล้ๆขอบของโลหะแผ่น ต้องการใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานน้อย
เพราะโลหะแผ่นสามารถดีดตัวออกจากพันช์ได้ง่าย
4.
การตัดที่มีความเร็วสูงกว่าจะเป็นตัวทำให้พันช์ร้อนได้ง่าย
จะเกิดการเชื่อมแบบเย็นตัวมากขึ้น ต้องใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานมาก
5.
สารหล่อลื่นช่วยลดแรงปลดแผ่นชิ้นงานได้
6.
การเจียรนัยพันช์และดายในแนวดิ่ง
จะมีผลทำให้ใช้แรงปลดแผ่นชิ้นงานน้อยลง
แรงปลดแผ่นชิ้นงานสามารถคำนวณได้จากสูตร
fs = 3500Lt
ในที่นี้
fs คือแรงปลดแผ่นชิ้นงาน
หน่วยปอนด์
ตัวอย่างที่
1
ต้องการผลิตแหวนรองแป้นเกลียว ขนาดความหนา 0.060
นิ้ว มีรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
นิ้ว

และเส้นผ่านศูนย์กลางนอก
นิ้ว ดังแสดงในรูปที่ 2.2
วัสดุที่ใช้ทำคือเหล็กกล้า SAE 1010
มีความแข็งแรงทางดึงสูงสุด 35,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ให้คำนวณหา 1)
แรงที่ใช้ในการตัดแหวนรองแป้นเกลียวโดยตัดทั้งรูและแผ่นแหวน 2)
แรงที่ต้องใช้ในการตัดแผ่นแหวนอย่างเดียว 3)
สมมุติว่าวัสดุชนิดนี้มีเปอร์เซ็นต์ระยะกินลึก 60
เปอร์เซ็นต์และมีการทำคมเฉือนที่ปลายพันช์ 0.050
นิ้ว หาแรงที่จำเป็นต้องใช้ในการตัดแผ่นแหวนอย่างเดียว
4) แรงปลดแผ่นแหวนรองแป้นเกลียวให้หลุดออกจากพันช์ทั้งสองตัว


รูปที่
2.2
แหวนรองแป้นเกลียว
1. แรงที่พันช์ทั้งสองตัวตัดชิ้นงาน
โดยไม่ทำคมตัดเฉือนบนแท่งพันช์
F =
= 


1.1.01
=


= 3.7
ตัน
2.
แรงที่พันช์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
นิ้ว ตัดชิ้นงาน

F =
= 


= 2.47
ตัน
3.
แรงที่พันช์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
นิ้ว ตัดชิ้นงานและทำการเฉือนคมตัดที่ปลายพันช์เป็นระยะ
0.05 นิ้ว

Fs = KF
=
(F) =
x
x (2.47)



= 1.78 ตัน
4.
แรงในการปลดแผ่นชิ้นงานบนพันช์ทั้งสองตัว
fs =
3500 Lt = 3500
(0.75 + 0.375)(0.06)

= 742
ปอนด์
ช่องว่างของแม่พิมพ์
ช่องว่างของแม่พิมพ์คือ ช่องว่างที่อยู่ระหว่างขอบคมตัดของพันช์และดาย
ในการเลือกใช้ช่องว่างแม่พิมพ์ต้องเลือกใช้เหมาะสม
เพราะช่องว่างของแม่พิมพ์มีผลต่อคุณภาพของขอบตัดของชิ้นงานและแรงที่ใช้ในการตัด
ช่องว่างต่อด้านของแม่พิมพ์ที่เหมาะสมของวัสดุชนิดต่างๆ ได้แสดงไว้ในตารางที่
2.2
ช่องว่างของแม่พิมพ์จะกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของความหนาของชิ้นงาน
ตารางที่ 2.2
ช่องว่างต่อด้านของแม่พิมพ์ที่เหมาะสมของวัสดุชนิดต่างๆ
Material
|
Clearance Allowance (%)
|
Aluminum
Brass
Copper
Soft
steel
Medium steel
Hard
steel
|
6.0
3.0
3.0
3.0
3.5
4.0
|
งานที่เกิดขึ้นจากการตัดชิ้นงานบนแม่พิมพ์ตัด
งานที่ต้องการใช้ในการตัดหาได้ จากแรงที่ใช้คูณด้วยระยะทางที่กระทำผ่านแรงนั้น
เขียนเป็นสูตรได้
งาน =
แรง x ระยะทาง
W = F x p x t
ในที่นี้ W
คือ งานที่ต้องการใช้หน่วย ปอนด์ –
นิ้ว
ระยะทางที่ทำให้เกิดงาน คือ ระยะที่พันช์กินลึกลงไปในเนื้อโลหะจนกระทั่งเกิดการแตกอย่างสมบูรณ์ของชิ้นงาน
การออกแบบพันช์และดาย
ขนาดของพันช์จะมีขนาดเท่ากับรูที่จะตัด
ส่วนขนาดรูในของดายมีขนาดเท่ากับแผ่นชิ้นงานที่หลุดออกจากการตัด
แต่ผลของการกระเด้งตัวกลับของชิ้นงานภายหลังจากการตัด
ทำให้ขนาดรูของชิ้นงานมีขนาดเล็กลง
และขนาดของชิ้นงานที่หลุดออกมาจากการตัดมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ดังนั้น
กรณีตัดรูกลมขนาดของพันช์จะเพิ่มขึ้นอีก 0.002 นิ้ว
ขนาดของดายจะเล็กลง 0.002 นิ้ว กรณีตัดรูไม่กลม ขนาดพันช์จะเพิ่มขึ้นและดายจะเล็กลง
0.001 นิ้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น